วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2551

re-tell 21 : บทความซึ้งดีนะ

สวัสดีครับ ทุกคน หลังจากที่ผมได้เริ่มเขียน Blog ได้ไม่นาน ก็พบว่ามีบทความที่น่าสนใจมากมาย จึงอยากนำมาฝากเพื่อนๆ ซึ่งจะต่างกับการแนะนำ เว็บไซต์ หรือเว็บบล๊อกดีๆ ใน Web Blog Guide Station นะครับ เพราะเป็นการนำเฉพาะบทความ หรือบางส่วนของเว็บไซต์มาเท่านั้น และผมจะอ้างถึง หน้าเว็บเพจ นั้นๆ ที่ท้ายบทความในส่วน page reference ครับ





........................................................................

re-tell-20 : บทความซึ้งดีนะ

วันที่ 6 มกราคม 2008 ผมได้รับอีเมล์จากคุณ vachira piriyapun ผมจึงอ่านต่อจนจบ ดังนี้

........................................................


ช่วยอ่านให้จบนะครับแล้วเลือกว่าจะทำอย่างไหน

ในวันสุดท้ายก่อนวันคริสต์มาส ฉันรีบไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ต เพื่อซื้อของขวั­ญที่ฉันไม่ได้ซื้อไว้แต่เนิ่นๆ เมื่อฉันเห็นผู้คนทั้งหมดที่นั่น ฉันก็เริ่มบ่นกับตัวเอง ฉันคงต้องเสียเวลาเป็นชาติที่นี่แน่ๆ ฉันควรไปที่อื่นดีกว่า คริสต์มาสนี่ทำให้รู้สึกแออัดและน่ารำคาญ­ขึ้นทุกๆปีจริงๆ

สิ่งที่ฉันอยากจะทำคือเอนตัวลงนอนแล้วก็หลับไปและตื่นขึ้นมาเมื่อเวลานี้ผ่านพ้นไปแล้วจริงๆ แต่ถึงยังไงฉันก็ยังไปที่แผนกของเล่น และฉันก็เริ่มหัวเสียเกี่ยวกับราคาของมันและแปลกใจว่า เด็กๆเนี่ยเล่นของเล่นที่แพงขนาดนี้เชียวหรือ

ขณะที่กำลังเดินดูของอยู่ในแผนกของเล่นนั้น ฉันสังเกตเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่ง อายุประมาณ 5 ขวบ กำลังอุ้มตุ๊กตาไว้แนบกับอก เขาค่อยๆลูบผมของตุ๊กตานั้นและมองดูอย่างเศร้าสร้อย

ฉันสงสัยว่าเด็กผู้ชายคนนี้จะเอาตุ๊กตาไปให้ใครกัน

เด็กผู้ชายคนนั้นหันไปหาห­ญิงชราที่อยู่ข้างๆ

"คุณย่าแน่ใจหรือฮะว่าเงินของผมมีไม่พอ"

ห­ญิงชราตอบว่า "หลานก็รู้นี่ว่าหลานมีเงินไม่พอที่จะซื้อตุ๊กตาตัวนี้หรอ"'

หลังจากนั้นห­ญิงชราก็บอกให้เขารออยู่ตรงนั้นประมาณ 5 นาทีระหว่างที่เธอจะไปเดินดูรอบๆ แล้วเธอก็จากไปอย่างรวดเร็ว

เด็กชายยังคงอุ้มตุ๊กตาอยู่ในมือ

ในที่สุดฉันก็เริ่มเดินเข้าไปหาเขา

ฉันถามเค้าว่าเค้าจะเอาตุ๊กตาตัวนั้นไปให้ใคร

"มันเป็นตุ๊กตาที่น้องสาวของผมชอบที่สุดฮะ และเธอก็อยากจะได้มันมากเป็นของขวั­ญวันคริสต์มาส เธอมั่นใจมากว่าซานตาคลอสจะให้ตุ๊กตาตัวนี้แก่เธอ"

ฉันบอกเค้าว่า ซานตาคลอสจะให้ตุ๊กตานี้แก่น้องสาวของเขาแน่ๆ และก็ไม่ต้องกังวลหรอก

(มาถึงตรงนี้ นึกหละสิครับว่า เรื่องนี้ จะเหมือนกับเรื่องปกติทั่วๆไปที่คุณเคยอ่าน เดาผิดแล้วหละครับ ลองอ่านต่อสิครับ...)

แต่เขาตอบฉันด้วยท่าทางเศร้าสลดว่า

"ไม่หรอกฮะ ซานตาคลอสไม่สามารถเอาตุ๊กตานี้ไปให้เธอในที่ๆเธออยู่ตอนนี้ได้ ผมจะเอาตุ๊กตาตัวนี้ไปให้แม่ แม่จะได้เอาตุ๊กตานี้ไปให้เธอเมื่อแม่ไปที่นั่น"

ดวงตาของเขาเศร้ามากขณะที่เขาพูดต่อไป

"น้องสาวของผมไปอยู่บนสวรรค์ พ่อบอกว่าแม่ก็จะไปเหมือนกันในเร็วๆนี้ ผมก็เลยคิดว่าแม่น่าจะเอามันไปให้น้องสาวของผมได้"

หัวใจของฉันเกือบจะหยุดเต้น เด็กชายเงยหน้ามองฉันแล้วพูดว่า

"ผมบอกพ่อให้บอกแม่ว่าอย่าพึ่งไปให้รอผมจนกว่าผมจะกลับจากซุปเปอร์มาร์เก็ตฮะ"

แล้วเขาก็หยิบรูปที่น่ารักมากของเขาซึ่งกำลังหัวเราะให้ฉันดู แล้วก็บอกว่า

"ผมอยากให้แม่เอารูปนี้ไปด้วยฮะเธอจะได้ไม่ลืมผม ผมรักแม่ฮะและผมก็หวังว่าเธอจะไม่ต้องจากผมไป แต่พ่อบอกว่าเธอต้องไปอยู่กับน้องสาวของผม"

แล้วเขาก็จ้องมองตุ๊กตาอีกครั้งอย่างอาลัย ฉันรีบคว้ากระเป๋าตังออกมาอย่างรวดเร็ว หยิบธนบัตรออกมา 2-3ใบ แล้วพูดว่า


"ทำไมเราไม่ลองตรวจดูอีกที เผื่อว่าเราจะมีเงินพอ"

"ตกลงฮะ" เขาพูด "ผมหวังว่าผมจะมีเงินพอนะฮะ"

ฉันแอบใส่เงินของฉันลงในกระเป๋าตังของเขาโดยไม่ให้เขาเห็นแล้วเขาก็เริ่มนับมัน มันไม่ได้มีเงินแค่พอซื้อตุ๊กตาเท่านั้น แต่ยังเหลืออีกด้วย

เด็กชายพูด "ขอบคุณพระเจ้าที่ประทานเงินให้ผมฮะ"

เขามองฉัน แล้วพูดเสริมว่า "ผมอธิษฐานกับพระเจ้าก่อนนอนเมื่อวานฮะ ว่าขอให้ผมมีเงินพอที่จะซื้อตุ๊กตาตัวนี้เพื่อแม่จะได้เอาไปให้น้องสาวของผมฮะ แล้วพระองค์ก็ได้ยินความจริงผมอยากได้เงินที่จะซื้อกุหลาบสีขาวให้แม่ด้วยฮะ แต่ผมไม่กล้าขอมากเกินไป แต่พระองค์ก็ให้เงินผมมากพอที่จะซื้อทั้งตุ๊กตาและกุหลาบ แม่ของผมชอบกุหลาบขาวฮะ"

2-3 นาทีต่อมา ห­ญิงชราก็กลับมา ฉันเดินออกมากับรถเข็นของฉัน(รถเข็นที่ใช้ในซุปเปอร์มาร์เก็ตอะ) ฉันซื้อของจนเสร็จด้วยความรู้สึกที่ต่างจากตอนมาโดยสิ้นเชิง ฉันไม่สามารถเอาภาพของเด็กชายคนนั้นออกจากจิตใจฉันได้

หลังจากนั้นฉันก็จำข่าวที่อยู่ในหนังสือพิมพ์เมื่อ 2 วันก่อนได้ มันบอกว่าคนขับรถบรรทุกที่เมาเหล้าคนหนึ่งขับรถชนรถอีกคันหนึ่งที่มีห­ญิงสาวคนหนึ่งกับเด็กหญิงตัวเล็กๆในรถ เด็กห­ญิงคนนั้นเสียชีวิตทันที แต่แม่ของเธออยู่ในขั้นบาดเจ็บสาหัส ครอบครัวของพวกเขาต้องตัดสินใจว่าจะดึงปลั๊กเครื่องช่วยหายใจดีหรือไม่ เพราะถึงยังไงเธอก็ไม่สามารถดีขึ้นไปกว่าขั้นโคม่าได้

ครอบครัวนี้จะเป็นของเด็กชายคนนั้นรึเปล่านะ 2 วันหลังจากได้พบกับเด็กชายคนนั้น ฉันอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ว่า ห­ญิงสาวคนนั้นได้เสียชีวิตแล้ว ฉันไม่สามารถหยุดตัวเองไว้ได้ที่จะไปซื้อกุหลาบช่อหนึ่ง แล้วไปที่ Mortuary ซึ่งร่างของห­ญิงคนนั้นได้ถูกเปิดให้คนได้ดูและอธิษฐานเป็นครั้งสุดท้ายก่อนฝัง

เธออยู่ในนั้น ในโลงศพของเธอในมือมีดอกกุหลาบสีขาวดอกหนึ่งกับรูปถ่ายของเด็กชายคนนั้น และมีตุ๊กตาวางอยู่บนหน้าอก ฉันออกไปข้างนอกทั้งน้ำตารู้สึกว่าชีวิตของฉันได้เปลี่ยนไปตลอดกาล

ความรักที่เด็กผู้ชายคนนี้มีให้แม่และน้องสาวของเขานั้นจะยังคงอยู่ยืนยาวสุดแก่การจินตนาการ

แต่เพียงแค่เศษเสี้ยววินาทีเท่านั้น

คนดื่มเหล้าคนหนึ่งก็ได้พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเค้า

ตอนนี้คุณมี 2 ตัวเลือก

1. ส่งข้อความนี้ให้แก่ทุกคนที่คุณรู้จัก

2. ลบข้อความนี้ทิ้งราวกับว่ามันไม่เคยทำให้คุณรู้สึกซาบซึ้ง

ถ้าคุณส่งข้อความนี้ บางที... คุณอาจได้ช่วยป้องกันไม่ให้บางคนที่เมาแล้วขับก็ได้ เพื่อนเหมือนกับนางฟ้าที่ช่วยเราบินในยามที่ปีกของเราหลงลืมวิธีแห่งการบิน

"ทีม คือกลุ่มคนที่อาจจะมี ประสบการณ์ พรสวรรค์ หรือระดับการศึกษาที่ไม่เท่ากัน แต่อยู่ในหน้าที่เดียวกัน" เมาไม่ขับเด็ดขาด ทุกครั้งที่เมาแล้วต้องไม่ขับรถ คิดถึงเรื่องนี้เอาไว้ แล้วนั่งรถแท๊กซี่กลับบ้าน ช่วยๆกัน forward ต่อด้วยนะ อย่างน้อย น่าจะช่วยใครได้สักคน หวังเอาไว้อย่างงั๊น

...................................................
และหลังจากที่ผมอ่านจบแล้ว ผมเลือกทำข้อ 3. ครับ คือนำบทความดีๆ นี้มาเก็บไว้ในบล็อก preeda re-tell ของผม เพื่อเพื่อนๆ ที่จะได้แวะเวียนเข้ามาแล้วสามารถส่งต่อๆ กันไปให้อ่านได้ เช่นกันครับ


ขอบคุณครับ

ปรีดา ลิ้มนนทกุล
mobile : 086-3229307
email : preeda.limnontakul@gmail.com
update : Jan 6, 2008

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เชิญแสดงความคิดเห็น ให้กับเจ้าของบทความด้วยนะครับ