วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2550

re-tell-15 : อีกแค่ 7-10 ปี โลกอาจพิพากษามนุษย์

สวัสดีครับ ทุกคน หลังจากที่ผมได้เริ่มเขียน Blog ได้ไม่นาน ก็พบว่ามีบทความที่น่าสนใจมากมาย จึงอยากนำมาฝากเพื่อนๆ ซึ่งจะต่างกับการแนะนำ เว็บไซต์ หรือเว็บบล๊อกดีๆ ใน Web Blog Guide Station นะครับ เพราะเป็นการนำเฉพาะบทความ หรือบางส่วนของเว็บไซต์มาเท่านั้น และผมจะอ้างถึง หน้าเว็บเพจ นั้นๆ ที่ท้ายบทความในส่วน page reference ครับ


........................................................................

re-tell-15 : อีกแค่ 7-10 ปี โลกอาจพิพากษามนุษย์

สวัสดีครับผมได้รับอีเมล์จาก aibingz@hotmail.com เป็นบทความที่น่าสนใจ และมีการส่งต่อๆ กันมาเห็นว่ามีสาระมากจึงอยากนำมาฝากทุกคน และ เก็บเป็นหมวดหมู่ใน Preeda re-tell

Sent: Monday, August 27, 2007 9:32 PM
Subject: Signal from Scientists : ช่วยกันดูแลโลกนะ

สัญญาณเตือนภยันตราย ที่น่าสังเกต และให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ คือ สิ่งที่มีการ กล่าวออกมาจากปากของท่านอาจารย์ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ที่ได้พูดคุยออกอากาศในรายการ "โลกสวยด้วยมือเรา" กับ คุณ สัญญา คุณากร เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม 2007 หรือ วัน ที่ 7 เดือน 7 ปี 2007 เวลา 20.47 น. ณ สถานีโทรทัศน์สีช่อง 5 กองทัพ บก

ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่า ผู้ชมและผู้ฟังส่วนใหญ่ มัก จะชมและฟังแล้ว ก็ผ่านเลยไป หาได้ใส่ใจในเนื้อหาสาระมากนัก แต่เนื่องจากในช่วงที่ฟัง ผู้เขียนรู้สึกขนลุก และเกิดอาการสั่นสะท้าน เหมือนมีสัญญาณเตือนว่าต้องฟังอย่างตั้งใจอย่าฟังผ่านๆ ดังนั้น ผู้เขียนจึงตั้งใจฟังอย่างจรดจ่อ ทำให้เก็บเนื้อหามาเล่าสู่ต่อเพื่อนสมาชิกผู้สนใจได้ว่า

ภยัน อันตรายที่ร้ายแรง ที่ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา พูด กับคุณสัญญา คุณากรว่า "จำได้ไหม เมื่อ 2 ปีก่อน ผมเคยพูดให้คุณ สัญญาฯ ทราบว่า ภายใน 12 ปีข้างหน้า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก ซึ่งผ่านมาแล้ว 2 ปี ก็เหลืออีก เพียง 10 ปี (ปีนี้ 2550 ก็น่าจะ หมาย ถึง ปี 2560 –>ผู้เขียน) ผมก็ขอยืนยันสิ่งที่ได้เคยบอกกล่าว ให้คุณสัญญาฯ ทราบแล้วนั้น ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง จะมีเหตุการณ์ที่เป็น ภยันตรายร้ายแรงเกิดขึ้น เพียงแต่เกรงว่า ระยะเวลาอาจร่นลงมาเหลือ เพียง 7 ปี

ส่วนปีที่ 10 นับจากนี้ไป ก็อาจจะเป็นปีที่มีความสงบสุข ปีที่มีแต่ความสมานฉันท์ ปีที่เลิกทะเลาะกันแล้ว เพราะ ผู้คนในช่วงนั้นเหลืออยู่น้อยมาก ไม่มีเวลาที่จะทะเลาะกันแล้ว แต่ต้องอยู่ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน" ที่ ดร.อาจองฯ กล่าวเช่นนั้น ดร.อาจองฯ ขยายความให้ฟังว่า

"จากปัญหา โลกร้อน ปริมาณน้ำแข็งมีการละลายมากขึ้น และในที่สุดก็ไหลลง ทะเล และมหาสมุทร ซึ่งพื้นที่ทะเล และมหาสมุทรแม้จะมีมากกว่า ส่วนที่เป็นพื้นดิน แต่เผอิญ น้ำทะเลทั้งหมดมิได้มีปริมาณที่เท่ากันทั้งโลก แต่ไปถ่วงด้านหนึ่งมากขึ้น โลกอีกด้านหนึ่งมีน้อยกว่า เมื่อน้ำทะเลไปถ่วงด้านหนึ่งมากขึ้น ก็เกิดสภาวะไม่สมดุล เป็นเหตุให้โลกแกว่งตัว ผิดปกติ มีผลทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของแผ่นเปลือกโลก

แผ่นเปลือกโลก ปรับตัวครั้งใด ก็จะเกิดแผ่นดินไหวในครั้งนั้นๆ แผ่นเปลือกโลกจะมี รอยร้าวมากขึ้น>ขอให้ทุกท่านสังเกตเหตุการณ์ของการเกิดแผ่นดินไหว ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีปริมาณมากขึ้น และถี่ขึ้นในทุก พื้นที่ของโลก รวมทั้งกระทบมาสู่ประเทศไทย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมา ก่อนในลักษณะที่ถี่มากขึ้นเช่นนี้

(ในช่วงต้นปี 2550 หากจำไม่ผิดมีการ เกิดแผ่นดินไหวแถวแม่ริม จ.เชียงใหม่ ประมาณ 60 ครั้ง –>ผู้ เขียน)

การเปลี่ยนแปลงของโลกครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบให้แกนขั้วโลกมีการเปลี่ยนแปลง หากขั้วแม่เหล็กโลกมีการเปลี่ยนแปลงกระทันหันหายนะครั้งใหญ่ของโลกจะเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน

(น่าจะเกิดสภาวะการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันเกินความคาดคิดของนักวิทยาศาสตร์กายภาพ ดร.อาจองฯ เป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก เป็นผู้ได้รับการประกาศเกียรติคุณในหอเกียรติยศขององค์การนาซ่าว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นชั้นนำของโลกคนสำคัญคนหนึ่ง ดร.อาจองฯ>นอกจากการเป็นนักวิทยาศาสตร์ กายภาพแล้ว ก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิตด้วย โดยเป็นศิษย์เอกคนสำคัญของ "ท่านสัตยาไสบา บา" ผู้มีพลังฌาน สมาบัติแก่กล้า ที่สหรัฐอเมริกายอมรับว่ามีพลังเหนือธรรมชาติในตัวท่านโดย เคยทดลองอดอาหาร อดน้ำ ให้นักวิทยาศาสตร์อเมริกันชม ได้ ถึง 17 วัน - ผู้เขียน)

ในปัจจุบันปริมาณ น้ำแข็งที่ภูเขาหิมาลัยได้มีการละลายไปมาก และปริมาณน้ำแข็งก็จะเหลือน้อยลง ซึ่งน้ำแข็งที่ภูเขาหิมาลัย มีผลต่อปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง เมื่อปริมาณน้ำแข็งมีน้อยลง ปริมาณน้ำแข็ง ที่จะละลายเป็นน้ำในอนาคตก็จะมีน้อยลง ซึ่งในที่สุด ก็จะเกิดปัญหากระทบกระทั่งของประเทศต่างๆ ที่ต้องอาศัยน้ำในแม่น้ำโขงจะต้องเกิดการพิพาทแย่งน้ำกัน ในที่สุด แม่น้ำโขงจะเหือดแห้งลง

องค์การสหประชาชาติ ได้ตระหนักในปัญหานี้ ได้มีหนังสือแจ้งมาถึงประเทศไทยให้ตระหนักในปัญหาที่จะเกิดในอนาคต ที่จะเกิดกรณีพิพาทแย่งแหล่งน้ำจืดกัน และจะต้องเร่งพัฒนาจิตใจในการมีคุณธรรม มีความเข้าใจในธรรมชาติที่จะมีปัญหาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดย ดร.อาจองฯ ได้เริ่มใช้ "โรงเรียนสัตยาไส" ที่ลพบุรี เป็นศูนย์พัฒนาจิตใจเด็ก รุ่นใหม่ ที่จะเติบใหญ่เป็นผู้นำประเทศ เน้นพัฒนาการด้านจิต ใจ และความมีคุณธรรมเป็นสำคัญ ซึ่งหวังว่าจะมีส่วนช่วยให้ สังคม และประเทศ ชาติ มีความสงบและสันติเร็วขึ้นหลังจากเกิดมหันตภัยขึ้นในช่วงไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า

(ไม่เกินปี 2560 – ผู้เขียน)

ก่อนหน้า นี้ ประมาณ 1 สัปดาห์ เผอิญได้ดูรายการโทรทัศน์ ที่คุณสัญญา คุณากร สนทนากับ ดร.สมิทธิ ธรรมสโรช อดีตอธิบดีกรมอุตุ>นิยมวิทยา (อาจจะเป็น รายการ "โลกสวยด้วยมือเรา" ก็ได้เพราะอยู่ในช่วงวันเสาร์ ที่ 30 มิถุนายน 2550 เวลาประมาณ ใกล้ๆ 23.00>น.)

สิ่งที่ได้เห็นคือ ภาพแผนที่ประเทศไทย ที่ ดร. สมิทธิ์ฯ แจ้งว่า เป็นผู้ระบายสีด้วยตัวเอง ถึงพื้นที่น้ำท่วม ถาวร ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ถ้าทุกคนในโลกใบนี้ ไม่ตระหนักปัญหาโลกร้อน ไม่ตั้งใจที่จะช่วยลดปริมาณการเพิ่มปริมาณก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์>ในชั้นบรรยากาศของโลก ทุกคนยังคงเห็นแก่ ตัว เป็นนักบริโภคนิยม ไม่มีการเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำ วัน ก็เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ นั่นคือ พื้นที่จังหวัด สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม กรุงเทพมหานคร นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี นนทบุรี ปทุมธานี อยุธยา สระบุรี ชลบุรี และฉะเชิงเทรา

(ประมาณการด้วยสายตาว่ามีจังหวัดใดบ้างตาม แผนที่ ที่คุณสัญญา คุณากร แสดงให้ดูทางโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ซึ่ง ก็น่าจะเป็นพื้นที่ที่จมน้ำถาวร หรือเป็นพื้นที่ทะเลในอนาคต)

สำหรับ จังหวัดต่างๆ ริม ทะเลทุกจังหวัดของประเทศไทย จะเป็นพื้นที่น้ำท่วมชั่วคราว ช่วงน้ำ ทะเลขึ้น ก็จะท่วม น้ำทะเลลด ก็จะไม่ท่วม ที่ไม่ท่วม เลยนั้นไม่มี ทั้งนี้เพราะปัจจุบันปริมาณน้ำในทะเลมีมากกว่าอดีต นั่นเอง นั่นคือ ปรากฏการณ์ที่จะได้เห็นในช่วง 10 ปีข้างหน้า ถ้าทุกอย่างดำเนินการเหมือนปกติเช่นทุกวันนี้

สำหรับนักวิทยา ศาสตร์ยุคปัจจุบัน เช่น ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา จะพูดจาระมัดระวังมากหน่อย เพราะมีตำแหน่งเป็นข้าราชการประจำในขณะนี้ ได้แสดงความเห็นในรายการ "โลกสวยด้วยมือ เรา" ในวันเสาร์ที่ 7 เดือน 7 ปี 2007 ว่า

ปัจจุบันนี้ กระแสน้ำร้อน – น้ำเย็น ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก ปรากฏว่าในประเทศไทย มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น มีพายุเข้ามาทางอ่าวไทยมากขึ้น ความแห้งแล้งมีมากขึ้น บางพื้นที่มีฝนตกมากจนน้ำท่วม บางพื้นที่มีทั้งแห้งแล้ง และน้ำท่วม ในปี เดียวกัน มีแผ่นดินถล่ม โคลนถล่มมากขึ้น ถี่ขึ้น ในอดีต ฝนตกหนัก จะเห็น 1,000 ปีสักครั้ง แต่จากนี้ไป จะเห็น ทุกๆ 3 ปี ที่มีฝนตกหนักมาก ทำให้เกิดอุทกภัย และโคลนถล่ม เป็นภัยร้ายแรงที่ต้องระวังมากขึ้น ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ลอยไปสู่ชั้นบรรยากาศของโลก จะฝังตัวบริเวณนั้น ประมาณ 50 – 200 ปี ถือเป็นหายนะ ของมนุษยชาติในอนาคต

ดร.ธรณ์ ธำรงนาวา สวัสดิ์ ได้ชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันมีสัญญาณเตือนถึงภัยพิบัติทางทะเลให้เห็นหลายประการ เช่น ปะการังมีการตายมากอย่างผิดสังเกต น้ำทะเลกัดเซาะชายตลิ่งมากขึ้น

ในปัจจุบันบางพื้นที่ บางส่วนของ จ. สมุทรปราการ บางส่วนของเขตบางขุนเทียน ใน กทม.พื้นดินถูกกลืน หาย กลายเป็นบริเวณน้ำทะเลถาวร มีพายุขึ้นฝั่งมากขึ้น คลื่นลมแรงมากขึ้น มีอุทกภัยมาก โลกก็มีชีวิต มีการเคลื่อนไหว เมื่อมนุษย์มีการกระทำที่เป็นการทำลายธรรมชาติบนโลก โลก ก็จะมีการโต้ตอบ>ซึ่งจะทำให้เกิดอาการตายทั้งเป็น เพราะความวิบัติ นี้จะมีผลถึงลูกหลานของเรา

เมื่อเดือนที่แล้ว มิถุนายน 2550 มีแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ขั้วโลกใต้แตกลงมา ซึ่งเป็นแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่เท่ากับมลรัฐแคลิฟอเนียร์ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาอุณหภูมิของโลกได้ร้อนเพิ่มมาก ขึ้น

ตำราต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์ ที่เคยอธิบาย ปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่สามารถพยากรณ์เหตุการณ์เช่นเดิมได้ อีก สิ่งที่ปู่ย่าตายาย เคยบอกเล่าให้ฟังไม่เหมือนเดิมอีกต่อ ไป ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เดิม เป็นความรู้ที่ไม่ถูกต้อง มีมากขึ้น ในช่วงนี้มีสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆ ต้องเรียนรู้ ปรากฏการณ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกมาก จะประมาทกับปรากฏการณ์ต่างๆ มิ ได้ ยุคความหรรษากำลังจะหมดไป

(ยุคหฤโหดกำลังจะเข้ามาแทนที่ - ผู้ เขียน

รศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล ภาคธรณีวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความจริงว่า

ปัจจุบันบริเวณอ่าวไทยตอนบน น้ำทะเลท่วมลึกเข้ามา ในผืนแผ่นดิน ปีละ 2 – 4 เมตร และท่วมลึกเข้ามาในแผ่น ดินเรื่อยๆ บริเวณแถวหมู่บ้านคลองด่าน และหมู่บ้านขุนสมุทรจีน จ.สมุทรปราการ พื้นดินหายไปในทะเล มากกว่า 180,000 ไร่แล้ว

วัดขุนสมุทรจีน ซึ่งปัจจุบัน อยู่ในทะเลห่างจากฝั่ง ประมาณ 1 กิโลเมตร ทั้งๆที่เดิมนั้น วัดขุนสมุทร จีนอยู่บนพื้นดินไม่มีน้ำล้อมรอบ แต่ปัจจุบันล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเลแล้ว และทรุดตัวลงจากพื้นดินไปมาก

หมู่บ้านขุนสมุทรจีน ค่อยๆจมหายไปในน้ำทะเล ทั้งๆที่พื้นดินบริเวณนี้มีโฉนดที่ดิน แต่ ไม่มีโอกาสเห็นพื้นดินอีกแล้ว สะพานของกรมโยธาธิการที่เหลืออยู่ ปรากฏว่า ไม่มีหมู่บ้านรองรับ แต่เป็นสะพานที่วิ่งลงไปใน ทะเล เสาไฟฟ้าอยู่ในทะเล โรงเรียนอยู่ในทะเล แต่อยู่ไกลออกไป โดยไม่เห็นสภาพโรงเรียนอีกต่อไป เพราะจมหายมิดทั้งโรงเรียน

สิ่งเหล่านี้ คือ ภาพที่รายการ "โลกสวยด้วย มือเรา" ถ่ายมาออกอากาศที่ช่อง 5 เมื่อวันเสาร์ที่ 7 เดือน 7 ปี 2007 ที่ผ่านมา ที่ดินบริเวณ จ. สมุทรปราการ มีการทรุดตัวลงเร็วมาก ถึงปีละ 3 - 5 เซนติเมตร เป็นภาวะที่น่าจะอยู่ในระดับวิกฤติที่คนไทยต้องตื่นตัวได้ แล้ว ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร (นายอภิรักษ์ฯ) ได้ให้ข้อมูลในรายการ " โลกสวยด้วยมือเรา" ในวันที่ 7 เดือน 7 ปี 2007 อีกคนหนึ่ง

ผู้ว่าการ กทม. ให้ข้อมูลว่า ณ ปัจจุบัน บริเวณชายทะเลบางขุนเทียน มีน้ำทะเล รุกล้ำเข้ามาในบริเวณซึ่งเป็น ที่ดินถึงปีละ 5 เมตร และคงสภาพท่วมถาวรในสภาพเช่น เดิม ไข้เลือด ออก จะมีการระบาด 2 – 3 ปีต่อครั้ง แต่ปัจจุบันมีการ ระบาดของโรคไข้เลือดออกทุกปี

ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ประเทศไทยปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ 100 % เป็นปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ปล่อยจากบริเวณผู้อยู่อาศัยในกรุงเทพมหานครถึง 40 % เป็นเรื่องที่คน ใน กทม. ทุกคนต้องทราบถึงการที่ทุกคนมีส่วนทำลายชั้นบรรยากาศของโลก ในปัจจุบัน

ทุกวัน ที่ 9 ของทุกเดือน ขอความร่วมมือจากทุกท่านร่วมใจกันปิดไฟทุกดวง คนละ 15 นาทีในเวลา 19.00 น. หรือ เปิดเพียง 1 ดวงในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อจะได้มีแสงสว่างพอจะเห็นสิ่งต่างๆ และร่วมกันปิดเครื่องปรับอากาศ คนละ 15 นาทีในช่วงดังกล่าว ด้วย

เครื่องปรับอากาศทุกเครื่อง จะต้องตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 25 oC ไม่ควรตั้งต่ำกว่า 25 oC

หากที่ใดยังใช้หลอดไฟที่ใช้ไส้ ต้องรีบเปลี่ยนหลอดไฟเป็นชนิดหลอดตะเกียบ ซึ่งจะลดกระแส ไฟฟ้าได้มาก อีกทั้ง หลอด ไส้ให้แสงสว่างเพียง 10 % แต่ให้ความร้อนถึง 90 % ทุกคนจึงควรร่วมใจกันลดปริมาณการใช้กระแสไฟฟ้า และช่วยกันลดอุณหภูมิความร้อน ของโลก โดยไม่ใช้หลอดไส้อีกต่อไป

ทุกคนควรถอดปลั๊กไฟทุกครั้งที่ไม่ใช้ ไม่ควรเสียบปลั๊กแช่ไว้ แม้มิได้เปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่การเสียบปลั๊กแช่ก็สูญเสีย กระแสไฟฟ้าเช่นกัน

หากเป็นไปได้ จะต้องพยายามเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถส่วนตัวมาใช้รถ สาธารณะ หรือรถไฟฟ้ามากขึ้น 2 ปีที่ผ่านมานี้ มีปริมาณน้ำท่วมมากขึ้น ฝนตกมากขึ้น พายุแรงมากขึ้น

(และในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน กรกฎาคม 2550 ก็ปรากฏว่ามีไฟป่าเผาผลาญถึง 7 มลรัฐในสหรัฐ อเมริกา เช่น ที่ยูท่าห์ ไฟป่าทำลายป่าไม้ไป มากกว่า 700,000 ไร่ ในประเทศจีน ก็มีอุทกภัยใหญ่ ใน 7 มณฑล บ้านเรือนถูกทำลายมากกว่า 270,000 หลัง เป็นต้น เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนฯ ให้ทราบ ถึงมหันตภัยในอนาคต –>ผู้เขียน)

จากข้อมูลความเปลี่ยนแปลงของโลก เป็นสิ่งที่ทุกคนเพียงแต่ " รู้" ไม่เพียงพอ แต่จะต้อง "รู้ และเข้าใจ ตระหนัก และจูง ใจ" นั่นคือ "ทุกคนจะต้องรู้ถึงสภาพปัญหาที่มี การเปลี่ยนแปลง และเข้าใจสิ่งที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงนั้น เกิดจาก การกระทำของพวกเราทุกคน ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำลายชั้นบรรยากาศของ โลก ต้องตระหนักว่าเป็นภัยที่กำลังจะมาถึงตัวเรา ครอบครัวของ เรา ภริยา/สามีของเรา บิดามารดาของเรา ลูกหลานของ เรา ชุมชน สังคม ประเทศชาติ>รวมทั้งโลกของเรา ด้วย"

ทุกคนจะต้องเลิกผลัด วันประกันพรุ่ง แต่ "ต้องลงมือทำทันทีที่มีโอกาส" โดยเริ่มเปลี่ยนแปลงที่ตัว เราเองก่อน หากไม่มีการเกิดระเบิด ของภูเขาไฟครั้งใหญ่ หรือไม่มีอุกกาบาตใหญ่มาชนโลกจนเกิดฝุ่นปกคลุม บรรยากาศโลก โลกก็จะเพิ่มความร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้ามีการเกิดระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ หรือมีอุกกาบาตใหญ่วิ่งมาชนโลก ย่อมทำให้เกิดฝุ่นปกคลุมบรรยากาศของโลก ทำให้แดดส่องลงมาไม่ถึงพื้นผิวโลก พื้นที่ส่วนนั้นๆ ก็จะกลับกลายเป็นยุคน้ำแข็ง ได้

สิ่งที่แน่นอนที่สุด คือ ความไม่แน่นอน ให้ระวังสักนิด ประเทศไทย จะได้พบกับ "สึนามิ" อีกครั้ง แต่สึนามิครั้งนี้จะมีความใหญ่มากกว่า เหตุการณ์ เมื่อ 26 ธันวาคม 2547 เพียงแต่จะเกิดเมื่อไรไม่มีผู้ ใดทราบแน่ชัด แต่ภาพนิมิตร "สึนามิ" ในอนาคตในประเทศไทยมี หลายท่านได้เห็นแล้ว แต่ช่วงเวลายังไม่ยืนยัน อยู่ระหว่าง ปี 2550 – 2560 ค่อนข้างแน่ครับ

อย่าลืม โปรดแบ่งเวลาบางส่วนของชีวิตท่านในปัจจุบัน ไปทำจิตให้สงบ ฝึกการมีสติ และมีสมาธิ ให้มากขึ้น ฝึกฝนการรักษา ศีล 5 อย่างจริงจัง ฝึกทำความเข้าใจในโลกธรรม 8 โดยเฉพาะส่วนลบของ โลกธรรม 8 คือ การเสื่อมยศ เสื่อมลาภ ถูกนินทา และเป็น ทุกข์ ฝึกความเข้าใจใน สามัญญลักษณะที่เป็นจริงของโลกว่าทุกสิ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดกาล ไม่มีสิ่งใดอยู่ในสภาพ เดิมได้ตลอด ไม่มีสิ่งใดเป็นตัวตนที่แน่นอนตลอด ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็แปรเปลี่ยน ในที่สุดก็ดับไปเสมอ

ฝึกทำ ความเข้าใจ และตระหนักชัดว่า เมื่อมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น และแล้วก็ย่อมต้องมีการแตกดับ ฝึกให้เห็นว่า "ความ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนที่เกิดแล้ว ต้องมีแก่ มี เจ็บ และมีตาย ไม่มีผู้ใดก้าวล่วงได้" ทำความเข้าใจว่า "ทรัพย์ทั้งปวง ของรักของหวงทั้งปวง">ไม่มีผู้ใดนำไปใช้ในโลกหน้า ได้ สิ่งที่เหลือ อยู่ และนำไปได้ในโลกหน้า ก็มีเพียง "บุญกุศล บุญ บารมี คุณงามความ ดี ที่เราสร้างไว้เท่านั้น" โปรดอย่าลืมเป็นอันขาด

...........................................................

ผมหวังว่าบทความนี้ ที่ผมได้รับมาคงจะทำให้ทุกคนได้ตระหนักถึงรายละเอียดในบทความ และได้นำไปใช้ เพราะตัวผมยังทำตลอดเวลา คือ การลดการสูญเสียของพลังงาน การลดต้นทุนการผลิต หรือแม้แต่ไอเดีย เว็บไซต์จีเพย์เมนท์ ที่เข้าช่วยประเทศชาติ และโลก ด้วยการบริหารด้านพลังในการเป็นตัวกลางให้กับสมาชิก ที่จะต้องเดินทางไปจ่ายค่าน้ำ-ไฟฟ้า-โทรศัพท์เอง ที่หน่วยงานต่างๆ ทำให้ประหยัดน้ำมันในการเดินทางได้


ขอบคุณครับ

ปรีดา ลิ้มนนทกุล
mobile : 089-3263248
email : preeda.limnontakul@gmail.com
update : Aug 27, 2007

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เชิญแสดงความคิดเห็น ให้กับเจ้าของบทความด้วยนะครับ